คอลลาเจน คืออะไร? ทานคอลลาเจน อย่างไรให้ได้ประโยชน์

ทานคอลลาเจน อย่างไรให้ได้ประโยชน์

คอลลาเจน (Collagen) เป็นสารที่มีความนิยมและใช้งานมาแล้วนานในการดูแลผิวพรรณ เพราะมีประโยชน์ต่อโครงสร้างผิวที่สามารถช่วยให้ผิวมีความยืดหยุ่นและเรียบเนียน การ ทานคอลลาเจน ในรูปแบบผลิตภัณฑ์คอลลาเจนมีหลากหลายชนิดที่สามารถทาหรือบริโภคเพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ สำหรับคนที่สนใจในการเสริมสร้างคอลลาเจนหรือความรู้เกี่ยวกับอาหารที่มีคอลลาเจน และวิธีการบริโภคที่เหมาะสม เราจะมาเสนอไม่ให้พลาดกัน

เนื้อหา

คอลลาเจน คือ ?

คอลลาเจน (Collagen) เป็นเส้นใยโปรตีนที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อและยึดติดส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เป็นส่วนสำคัญของผิวหนัง ขน หนังศีรษะ กระดูกอ่อน ข้อต่อ หลอดเลือด และเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ร่างกายมนุษย์สามารถสร้างคอลลาเจนได้เองตามธรรมชาติ และการได้รับคอลลาเจนจากอาหารเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ยืดหยุ่น กระชับ เต่งตึง เรียบเนียน และปกป้องกระดูกอ่อนอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พระเจ้าแห่งเวลาทำให้การสังเคราะห์คอลลาเจนลดลงเมื่อเราเพิ่มอายุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเสื่อมสภาพคอลลาเจนหรือทำลายได้ง่ายกว่าเมื่อเรายังเยาว์อยู่

คอลลาเจนแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร

เป็นโปรตีนที่สำคัญและมีบทบาทสำคัญในร่างกายเรา มันเป็นเส้นใยโปรตีนประเภทหนึ่งที่มีปริมาณมากในร่างกาย โดยประมาณ 6% ของน้ำหนักตัว หรือจำนวนโปรตีนทั้งหมดของเราประมาณ 1/3 คอลลาเจนมีบทบาทสำคัญในการสร้างและรักษาโครงสร้างผิวหนัง กระดูกอ่อน และหลอดเลือด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของระบบร่างกายเรา ในปัจจุบันมีการค้นพบคอลลาเจนมากกว่า 18 ชนิด ต่าง ๆ ซึ่งแต่ละชนิดมีบทบาทและฟังก์ชันที่แตกต่างกันไป ในอันดับที่มากที่สุด 5 ชนิดของคอลลาเจนที่พบได้บ่อย ได้แก่

  • คอลลาเจนประเภทที่ 1 (type I) เป็นคอลลาเจนที่พบมากที่สุดในร่างกายมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมด มีบทบาทสำคัญในการสร้างกระดูก ผนังหลอดเลือด นอกจากนี้ยังมีบทบาทในการยึดกล้ามเนื้อ สนับสนุนผิวหนัง กระจกตา และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน คอลลาเจนประเภทที่ 1 มีความเหนียวและแข็งแรงมากที่สุด ซึ่งช่วยในการเพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกาย ป้องกันเนื้อเยื่อไม่ให้ฉีกขาด และช่วยสมานแผลบนผิวหนังอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น การมีคอลลาเจนประเภทที่ 1 ที่เพียงพอในร่างกายจะช่วยให้ผิวพรรณของเราสวยงามเนียนนุ่มและไม่มีริ้วรอยอันเป็นรายละเอียด
  • คอลลาเจนประเภทที่ 2 (type II) เป็นคอลลาเจนที่พบมากในกระดูกอ่อน อาทิเช่น หู จมูก หลอดลม และกระดูกซี่โครง คอลลาเจนประเภทนี้มีหน้าที่แตกต่างจากคอลลาเจนประเภทที่ 1 โดยช่วยกระตุ้นกระบวนการสังเคราะห์เซลล์เพื่อลดอัตราการสึกกระดูกอ่อนในข้อต่อ ซึ่งมีส่วนช่วยให้กระดูกอ่อนรองรับน้ำหนักและเสถียรภาพของข้อต่อขณะเคลื่อนไหว ในกระดูกอ่อนทั่วไป มักประกอบด้วยเส้นใยคอลลาเจนประเภทที่ 2 ร่วมกับกรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic acid) และโปรตีโอไกลแคน (Proteoglycan) เช่น Aggrecan ที่มีอยู่ใน Glycoaminoglycans เช่น Chondroitin Sulfate และ Keratan Sulfate เป็นต้น การศึกษาพบว่าในบุคคลที่มีน้ำหนักมากหรืออายุสูง กระดูกอ่อนชนิดนี้ที่เรียกว่า Articular Cartilages ที่มีความทนทานต่อแรงกระแทกจะเสื่อมลง เฉพาะที่ข้อต่อที่รับน้ำหนักเช่นข้อเข่าและสะโพก ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะการเกิดข้อเสื่อมและโรคข้ออักเสบ (Osteoarthritis)
  • คอลลาเจนประเภทที่ 3 (type III) เป็นคอลลาเจนที่พบร่วมกับคอลลาเจนประเภทที่ 1 โดยมักพบในผิวหนัง กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด รวมถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันภายในร่างกาย อย่างไรก็ตามคอลลาเจนประเภทที่ 3 พบได้น้อยกว่าประมาณ 10% โดยส่วนใหญ่พบในผนังหลอดเลือด และมีการพบน้อยในข้อต่อต่าง ๆ โดยเป็นคอลลาเจนที่แตกต่างจากคอลลาเจนประเภทที่ 2
  • คอลลาเจนประเภทที่ 4 (type IV) พบอยู่ใน basal lamina และ basement membrane ที่เป็นส่วนของชั้นที่เอพิเธเลียมสร้าง คอลลาเจนชนิดนี้มีลักษณะเฉพาะเจาะจง พบมากในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่อยู่ภายนอกกล้ามเนื้อและไขมัน นอกจากนี้ มีบทบาทในการสนับสนุนการทำงานของระบบประสาทและระบบหลอดเลือดอีกด้วย
  • คอลลาเจนประเภทที่ 5 (type V) คือคอลลาเจนที่ปรากฏอยู่ในเนื้อบุเซลล์ต่าง ๆ อย่างเช่นผิวหนังและเส้นผม คอลลาเจนชนิดนี้เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการเสริมสร้างเซลล์และช่วยให้เกิดความแข็งแรงในผิวเซลล์และเส้นผม

คอลลาเจนมีประโยชน์อย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่าจะมีประโยชน์อย่างไรหากทาน คอลลาเจน มีงานวิจัยหลายรายศึกษาคอลลาเจนและพบว่ามีประโยชน์ดังต่อไปนี้

  1. เพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง และลดความหยาบกระด้างของผิว
  2. ทำให้ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนผิวหนังลดลง
  3. ลดการแตกหักของเล็บ
  4. ช่วยลดการสลายของกระดูก โดยการบริโภคคอลลาเจนร่วมกับแคลเซียมและวิตามิน D
  5. ช่วยให้สุขภาพของข้อต่ออยู่ในสภาวะที่ดีในกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ลดอาการปวดข้อ

สำหรับการบริโภคคอลลาเจน เราแนะนำให้เลือกคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการไฮโดรไลซ์ (hydrolysis) เนื่องจากมีขนาดที่เล็กลง ที่ง่ายต่อการดูดซึม ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายและเปลี่ยนเป็นส่วนประกอบของคอลลาเจนในร่างกายได้ดีขึ้น ปริมาณคอลลาเจนที่ควรบริโภคในหนึ่งวันเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยโดยไม่มีผลข้างเคียงคือ 2.5 – 15 กรัม

ไฮโดรไลซ์คอลลาเจน คือ

คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ (Hydrolyzed Collagen) เป็นคอลลาเจนที่ผ่านกระบวนการย่อยเพื่อลดขนาดและความยาว กระบวนการทางวิทยาศาสตร์นี้ทำให้คอลลาเจนมีขนาดเล็กลง ซึ่งยังคงคุณสมบัติของคอลลาเจนไว้ได้ การย่อยให้คอลลาเจนมีขนาดเล็กเท่าไรก็บ่งบอกถึงความสามารถในการดูดซึมที่ดีขึ้น มีความสามารถในการดูดซึมมากกว่าคอลลาเจนทั่วไปอย่างน้อย 3-4 เท่า คอลลาเจนไตรเปปไทด์ที่สกัดจากปลาทะเลน้ำลึกมีโครงสร้างคล้ายคลึงกับคอลลาเจนในผิวหนังของมนุษย์ นอกจากนี้ ร่างกายยังสามารถดูดซึมคอลลาเจนจากกระเพาะอาหารได้ดีกว่าผิวหนัง

ดังนั้นการบริโภคคอลลาเจนให้แก่ผิวหนังโดยรับประทานสารสกัดคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง จะช่วยเสริมสร้างเนื้อเยื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนัง เพื่อเติมเต็มริ้วรอยและลดความหย่อนย่นของผิวได้ผลลัพธ์ นอกจากนี้ คอลลาเจนไฮโดรไลซ์ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้เกิดผม ผิวหนัง เล็บ และกระดูกได้ง่าย การเติมคอลลาเจนนี้ช่วยให้โครงสร้างของร่างกายเสริมแข็งแรง ป้องกันอวัยวะต่างๆในร่างกาย และช่วยให้อวัยวะต่างๆเชื่อมต่ออยู่ด้วยกัน ทำให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นดี ช่วยให้ผิวหนังหรือผิวพรรณเกิดความชุ่มชื้น นุ่มนวล ดูสดใส กระชับและเต่งตึงขึ้น ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่น นุ่มเนียนขึ้น และดูอ่อนเยาว์มากขึ้น

อายุเท่าไหร่ คอลลาเจนในร่างกายถึงลดลง

คอลลาเจนในร่างกายมีแนวโน้มที่ลดลงเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อผ่านไป 60 ปีหรือเมื่อผู้หญิงเข้าสู่ช่วงวัยที่มีการหมดประจำเดือน ขณะที่คอลลาเจนลดคุณภาพและถูกสลายตัวได้เร็วมากขึ้น

ความเสื่อมสภาพของคอลลาเจนตามช่วงอายุ

คอลลาเจนในผิวลดลงตามช่วงอายุ ซึ่งเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุที่เพิ่มมากขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจนลดลง ดูได้จากริ้วรอยอาจขึ้นเพิ่มขึ้นในบริเวณผิวหน้าต่าง ๆ

  • ระหว่าง 25-30 ปี: ร่างกายสามารถผลิตคอลลาเจนอย่างเหมาะสม ริ้วรอยไม่ค่อยเจอปัญหา
  • ระหว่าง 30-40 ปี: ผิวเริ่มมีรอยย่นบาง, รอยย่นระหว่างคิ้ว รูขุมขนกว้าง และเริ่มเห็นกระไทงและฝ้า
  • ระหว่าง 40-50 ปี: ความสามารถในการสร้างคอลลาเจนลดลง ริ้วรอยชัดขึ้น เช่น ในบริเวณหน้าผาก ระหว่างคิ้ว ขอบตาล่าง และตีนกา
  • ระหว่าง 50-65 ปี: คอลลาเจนเสื่อมลง ริ้วรอยชัดเจนมากขึ้น และเริ่มเป็นเส้นยาวบนใบหน้า
  • 65 ปีขึ้นไป ริ้วรอยรุนแรงขึ้น ผิวแห้ง หยาบ กระดูกเสื่อมลงด้วย ส่งผลให้ใบหน้าดูแก่และไม่สดใส
คอลลาเจนในร่างกายเริ่มลดลง

สัญญาณอะไรที่บอกว่า คอลลาเจนในร่างกาย เริ่มลดลง

คอลลาเจนในร่างกายมีภาวะลดลงที่แสดงออกเป็นสัญญาณต่อไปนี้

  1. ผิวหนังแสดงอาการริ้วรอยและหย่อนคล้อย
  2. เกิดการรู้สึกว่าผิวหนังรอบดวงตาและแก้มเริ่มซีดลง
  3. มีอาการปวดกล้ามเนื้อ
  4. กล้ามเนื้อมีความอ่อนแรงและฟ่อนลง
  5. ร่างกายไม่ยืดหยุ่นเท่าเดิม
  6. เกิดโรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) เนื่องจากกระดูกอ่อนถูกใช้งานจนเสื่อมสภาพ
  7. การเคลื่อนไหวลดลงเนื่องจากข้อฝืดแข็งหรือเสียหาย
  8. มีปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนโลหิต
  9. ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารเนื่องจากเนื้อเยื่อบุทางเดินอาหารบางลง

การตรวจสอบสภาพคอลลาเจนในร่างกายและรักษาความเสื่อมสภาพของคอลลาเจนสามารถช่วยให้รักษาสภาพผิวและความยืดหยุ่นได้ รวมถึงลดอาการปวดเกี่ยวกับข้อต่อและส่งเสริมสุขภาพทั่วไปของร่างกาย

การป้องกันเพื่อไม่ให้คอลลาเจนลดลง

เพื่อป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนในร่างกายเมื่อเราเข้าสู่วัยที่มากขึ้น จึงมีวิธีการต่อไปนี้ที่เราสามารถปฏิบัติตนได้

  1. รับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่ครบถ้วน เช่น ผักสีเขียวเข้ม เนื้อสัตว์ที่มีคอลลาเจน และอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุที่สร้างคอลลาเจน เช่น วิตามิน C, E, และสังกะสี
  2. ทาครีมกันแดดทุกวันที่มีค่า SPF 30 หรือสูงกว่า เพื่อปกป้องผิวหนังจากแสงแดดที่ทำลายคอลลาเจน
  3. ใส่เสื้อผ้าหรืออุปกรณ์ที่ช่วยป้องกันการสัมผัสตรงกับแสงแดด เช่น หมวกกันแดด แว่นกันแดด และผ้าคลุมตัว
  4. หลีกเลี่ยงการใช้เตียงอาบแสงยูวี ซึ่งอาจทำให้ร่างกายได้รับแสงแดดจากแหล่งนี้โดยตรง ซึ่งอาจทำลายคอลลาเจนในผิวหนัง

การปฏิบัติตนเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันความสูญเสียคอลลาเจนในร่างกายและส่งเสริมสุขภาพของผิวหนังให้คงความยืดหยุ่นและสดชื่นได้

พฤติกรรมอะไรที่อาจทำให้คอลลาเจนในร่ายกายเริ่มสูญสลาย

พฤติกรรมที่อาจส่งผลให้คอลลาเจนในร่างกายเสื่อมสลายได้มีดังนี้

  1. การบริโภคน้ำตาลมากเกินไป: น้ำตาลสามารถเป็นสาเหตุให้เกิดกระบวนการไกลเคชั่น (advanced glycation end-products: AGEs) ในร่างกายซึ่งส่งผลให้คอลลาเจนสูญสลายลง ดังนั้นเพื่อป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนก่อนวัยควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี
  2. การสูบบุหรี่: การสูบบุหรี่มีผลให้คอลลาเจนในร่างกายเสื่อมสลายลงและทำให้พังผืดและเกิดรอยเหี่ยวย่น นอกจากนี้ การสูบบุหรี่ยังลดประสิทธิภาพในการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
  3. การสัมผัสกับแสงแดดมากเกินไป: การรับแสงแดดมากเกินไปอาจทำให้คอลลาเจนในร่างกายสลายตัวได้รวดเร็วขึ้น อีกทั้ง แสงแดดยังลดประสิทธิภาพในการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย ดังนั้นควรใช้ครีมกันแดดที่มีปริมาณ SPF 30 หรือสูงกว่า และหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแสงแดดในปริมาณมากเกินไป

เพื่อรักษาระดับคอลลาเจนในร่างกายและสุขภาพผิวหนังที่ดี ควรปรับปรุงพฤติกรรมในการบริโภคอาหารและสูบบุหรี่ และป้องกันการสัมผัสกับแสงแดดโดยการใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสม

วิธีเพิ่มคอลลาเจน ให้ร่างกายมีหลายแบบ

ในปัจจุบันเรามีวิธีที่สามารถเพิ่มปริมาณคอลลาเจนในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมาจากการกิน, การทา, และการฉีดคอลลาเจน

  • การกินคอลลาเจนสามารถทำได้โดยการบริโภคอาหารเสริมหรืออาหารที่มีปริมาณคอลลาเจนสูง ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบของอาหารเสริมคอลลาเจน เช่น เม็ด, ผง, หรือเครื่องดื่ม นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานอาหารทั่วไปที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เช่น เนื้อหมู, เนื้อวัว, หรืออาหารที่มาจากสัตว์ที่อุดมไปด้วยคอลลาเจน อย่างไรก็ตามวิธีนี้จะต้องผ่านกระบวนการดูดซึมอาหารโดยร่างกายก่อนที่จะสามารถบำรุงผิวได้อย่างมากน้อย
  • การทาคอลลาเจนสามารถทำได้โดยใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน แต่สิ่งนี้จะมีโมเลกุลที่ใหญ่ทำให้ไม่สามารถซึมลงไปถึงชั้นผิวได้ ดังนั้นจะสามารถช่วยบำรุงความชุ่มชื้นของผิวได้เท่านั้น และไม่สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยหรือผิวหย่อนคล้อยได้
  • การฉีดคอลลาเจนเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม โดยในปัจจุบันมักใช้หัตถการฉีดฟิลเลอร์หรือเมโสเทอร์เรียล ที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เป็นต้น ซึ่งทั้งสามวิธีนี้สามารถให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าวิธีการทาและการกิน ด้วยความสามารถในการเพิ่มความชุ่มชื้นและบำรุงผิวสูงขึ้น

ดังนั้น เราสามารถเลือกใช้วิธีการเพิ่มสารคอลลาเจนให้เหมาะสมตามความต้องการและความสะดวกสบายของเราเอง

อาหารอะไรที่ช่วยเพิ่ม คอลลาเจนให้ร่างกาย

การบริโภคอาหารที่ร่วมมือกับกระบวนการผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการสนับสนุนความสมบูรณ์ของคอลลาเจนในร่างกาย ดังนั้นควรรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมเหล่านี้

  • วิตามิน C: เช่น สตรอว์เบอร์รี่ ส้ม บรอกโคลี พริกหยวก มะนาว และมันฝรั่ง
  • โปรลีน: เช่น เห็ด หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี ข้าวสาลี ถั่วลิสง ไข่ขาว ปลา และเนื้อสัตว์
  • ไกลซีน: เช่น เนื้อแดง หนังไก่และหมู ไก่งวง กราโนล่า และถั่วลิสง
  • ทองแดง: เช่น หอยนางรม ล็อบสเตอร์ ตับ เห็ดชิตาเกะ ผักใบเขียว ถั่วและเมล็ดพืช เต้าหู้ และดาร์กช็อกโกแลต
  • สังกะสี: เช่น หอยนางรม ผลิตภัณฑ์นม สัตว์ปีก หมู เนื้อแดง ถั่ว ถั่วลูกไก่ ธัญพืชเต็มเมล็ด บรอกโคลี และผักใบเขียว

การรับประทานอาหารที่ส่งเสริมการผลิตคอลลาเจนอย่างเหมาะสมจะช่วยรักษาระดับคอลลาเจนในร่างกายและส่งเสริมรอยต่อของผิวหนังให้มีความยืดหยุ่นและสุขภาพดี

วิธีการเลือกกินอาหารที่ช่วยสร้างคอลลาเจน

เราสามารถเลือกการบริโภคอาหารที่ช่วยเพิ่มคอลลาเจนในร่างกายและชะลอกระบบการสลายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้คอลลาเจนอยู่กับเราได้นานขึ้น

  1. บริโภคโปรตีนที่เพียงพอ: การรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอจะส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนในร่างกายได้อย่างเต็มที่ คุณสามารถเลือกบริโภคโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู ไก่ หรือปลา และโปรตีนจากธัญพืช เช่น ถั่ว ไข่ หรือนม โดยควรรับประทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย
  2. บริโภคอาหารที่มีวิตามิน C: วิตามิน ซี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญที่ช่วยชะลอกระบบการสลายของคอลลาเจน คุณสามารถรับประทานผักและผลไม้ที่มีวิตามิน ซี เช่น ฝรั่ง คะน้า บรอกโคลี สตรอเบอร์รี่ ส้ม และแอปเปิ้ลแดง เพื่อเพิ่มการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
  3. บริโภคอาหารที่มีวิตามิน E: วิตามิน อี ช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ที่รับผิดชอบในการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน คุณสามารถรับประทานอาหารที่มีวิตามิน E เช่น น้ำมันพืช ถั่วเหลือง และผักที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลืองส้ม เพื่อสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
  4. หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง: การบริโภคอาหารที่มีรสหวานจะทำให้เกิดกระบวนการไกลเคชันที่ทำให้คอลลาเจนเสียรูปร่างและไม่ยืดหยุ่นตามที่ควรเป็น คุณควรหลีกเลี่ยงการบริโภคน้ำตาลในอาหารให้น้อยลง
  5. ดื่มน้ำเพียงพอ: การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย คุณควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เพียงพอวันละ 8-10 แก้วหรือประมาณ 2 ลิตรต่อวัน เพื่อส่งเสริมกระบวนการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย
  6. ออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย การออกกำลังกายที่มีการยืดเหยียด เช่น โยคะ และท่าเล่นกายภาพที่เน้นความยืดหยุ่น เช่น ปิดตามาด้วยการยกแขนขึ้นลง ๆ เป็นต้น สามารถช่วยสร้างคอลลาเจนให้กับร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยปฏิบัติตามเทคนิคเหล่านี้เราจะสามารถรักษาคอลลาเจนในร่างกายให้สูงขึ้นและชะลอกระบบการสลายได้อย่างยาวนาน ไม่ซ้ำกับบทความเดิมและเรียงลำดับใหม่ให้เหมาะสม

คอลลาเจนในรูปแบบอาหารเสริม

ทานคอลลาเจน ในรูปแบบอาหารเสริมนั้นสำคัญอย่างไร

คอลลาเจนเป็นสารสำคัญในร่างกายที่เล่นหน้าที่ในการสร้างส่วนประกอบต่างๆ อย่างไรก็ตามเมื่อเราเพิ่มอายุขึ้น การสังเคราะห์คอลลาเจนในร่างกายลดลง ด้วยเหตุนี้ เราอาจต้องการความช่วยเหลือในการเสริมปริมาณคอลลาเจน เพื่อให้ผิวพรรณของเราไม่ย่อยยับ และลดอาการเสื่อมสภาพของข้อกระดูกเมื่อเราเพิ่มอายุ เพื่อ ทานคอลลาเจน ในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละวัน อย่างเฉพาะสำหรับผู้ที่ไม่มีประวัติการแพ้อาหารทะเล หรือไม่แพ้สารสกัดจากปลา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยได้แจ้งว่า ไม่ควรรับประทานคอลลาเจนเกิน 10 กรัมต่อวัน แต่สำหรับการบริโภคในชีวิตประจำวัน การรับประทานคอลลาเจน 2.5-5 กรัมต่อวัน เพียงพอสำหรับการดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย เพื่อสร้างผิวพรรณที่สวยงามและร่างกายที่แข็งแรง โดยไม่เสียหายต่อร่างกายใดๆ

วิธีสร้างคอลลาเจนให้ร่างกาย ควบคู่ไปพร้อมกับการ ทานคอลลาเจน เสริม

ป้องกันผิวจากแสงแดด

การป้องกันผิวจากแสงแดดเป็นสิ่งสำคัญเพื่อรักษาความสวยงามของผิวหนังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากรังสียูวีในแสงแดด รังสียูวีในแสงแดดสามารถทำให้ปริมาณคอลลาเจนในผิวหนังลดลงได้ รังสียูวีเข้าไปส่งผลให้คอลลาเจนสลายตัวได้เร็วขึ้นและทำลายเส้นใยคอลลาเจน การใช้ครีมกันแดดที่มีปัจจัยความป้องกันจากรังสียูวี (SPF) สามารถช่วยชะลอกระบวนการสร้างคอลลาเจนและลดการทำลายคอลลาเจนได้

ทานอาหารที่ช่วย ป้องกันแสงแดดจากภายใน

นอกจากการใช้ครีมกันแดดที่มีปัจจัยความป้องกันจากรังสียูวีภายนอกแล้ว การบริโภคอาหารที่มีไลโคปีน เบต้าแคโรทีน และกรดอะมิโน เช่น ผลไม้ส้ม ชาเขียว แครอท อัลมอนด์ มะเขือเทศ เป็นต้น สามารถช่วยป้องกันอันตรายจากรังสียูวีในแสงแดดภายในร่างกายได้ อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงของการสร้าง DNA ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคมะเร็งและส่งเสริมความชุ่มชื่นให้กับผิวหนังอีกด้วย

ทานผักและผลไม้ที่มีวิตามินซี

การบริโภคผักและผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม เบอร์รี่ มะเขือเทศ พริกหวาน บร็อคโคลี่ เป็นประจำ จะช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนและช่วยลดการสลายของคอลลาเจน ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมคอลลาเจนได้ดีขึ้น

ทานอาหาร ที่มีโปรตีนสูง

อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ ปลา ถั่วต่างๆ ไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์จากนม มีส่วนประกอบของกรดอะมิโนซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญในการผลิตคอลลาเจน การรับประทานอาหารที่มีโปรตีนสูงเป็นประจำ จะช่วยเพิ่มปริมาณกรดอะมิโนและกระตุ้นกระบวนการสร้างคอลลาเจนให้ร่างกายดีขึ้น

พักผ่อนจากเรื่องเครียด

ความเครียดและความวิตกกังวลเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ปริมาณคอลลาเจนในร่างกายลดลง ความเครียดส่งผลให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนคอร์ติซอลซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำลายคอลลาเจนบนผิวหนังและลดการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ การหาวิธีผ่อนคลายจากความเครียดเป็นสิ่งสำคัญ เช่น การดูหนัง การฟังเพลง การออกกำลังกาย เป็นต้น

ทานคอลลาเจน ช่วยให้ผิวพรรณดี ป้องกันผิวเสื่อมสภาพก่อนวัย

คอลลาเจนเป็นโปรตีนที่สำคัญสำหรับร่างกาย เสริมสร้างผิวให้ไม่เสื่อมสภาพล่วงหน้า และเสริมความชุ่มชื่นและความกระชับให้ผิว ถึงแม้ว่าการผลิตคอลลาเจนในร่างกายจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น ทานคอลลาเจน การบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C ทองแดง และสังกะสี สามารถกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย นอกจากนี้ การลดการบริโภคน้ำตาลและประจักจะรับแสงแดดในปริมาณที่เหมาะสม สามารถชะลอการลดลงของคอลลาเจนในร่างกายได้ด้วยซ้ำ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *